บ้าน
[/b] เพื่อไทยเตือน รัฐระวังหน้าแหกประเด็นจับกุมอาวุธสงคราม แนะอย่าแตะต้องของกลางจนกว่าสอบสวนเสร็จ ชี้การจับกุมครั้งนี้ รบ.ได้สร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 - 5 ประเทศ+++
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีการจับกุมเครื่องบินที่ขนอาวุธสงครามล็อตใหญ่ได้ ระหว่างแวะเติมน้ำมันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า การที่รัฐบาลใช้กรมศุลกากรเข้าไปตรวจสอบเครื่องบินที่ขนอาวุธลำดังกล่าวไม่น่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากจุดส่งสินค้าไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย การที่รัฐบาลพยายามอ้างว่าได้ร่วมมือกับสหประชาชาติในการจับกุม ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่รับฟังได้ เพราะสหประชาชาติมีข้อห้ามใหญ่ในเรื่องของอาวุธอยู่เพียง 2 เรื่องคือ อาวุธนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพ อาวุธที่ตรวจพบดังกล่าวไม่เข้าข่าย อาจจะเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ หากการสอบสวนในชั้นศาลแล้วปรากฏว่ามีสัญญาซื้อขาย รัฐบาลอาจจะหน้าแหกก็ได้
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า การจับกุมครั้งนี้รัฐบาลได้สร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 - 5 ประเทศคือ เกาหลีเหนือ จอร์เจีย เบลารุส คาซัคสถาน และประเทศเป้าหมายที่จะนำอาวุธไปส่ง ในระยะหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง รู้สึกว่าจะพูดประเด็นนี้ได้ไม่เต็มปากเต็มคำเหมือนอมอะไรไว้อยู่ ตนเป็นห่วงเรื่องประเด็นของความโกรธแค้นและการแก้แค้น รัฐบาลไม่ควรทำตัวเป็นสุนัขรับใช้สหรัฐอเมริกา หากเรื่องนี้ความจริงปรากฏออกมาว่า การซื้อขายอาวุธเป็นไปอย่างถูกต้องและนำไปใช้ประโยชน์ในการปราบจลาจลภายในประเทศใดประเทศหนึ่งหรือใช้เพื่อความมั่นคงของประเทศนั้น ๆ จะรับผิดชอบอย่างไร เบื้องต้นขอแนะนำให้รัฐบาลอย่าเพิ่งทำอะไรกับอาวุธที่ยึดไว้ เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้จบเหมือนกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ที่ขึ้นต้นมาเป็นบทพระเอกแต่ลงท้ายกลับกลายเป็นผู้ร้าย
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีการจับกุมเครื่องบินที่ขนอาวุธสงครามล็อตใหญ่ได้ ระหว่างแวะเติมน้ำมันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า การที่รัฐบาลใช้กรมศุลกากรเข้าไปตรวจสอบเครื่องบินที่ขนอาวุธลำดังกล่าวไม่น่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากจุดส่งสินค้าไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย การที่รัฐบาลพยายามอ้างว่าได้ร่วมมือกับสหประชาชาติในการจับกุม ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่รับฟังได้ เพราะสหประชาชาติมีข้อห้ามใหญ่ในเรื่องของอาวุธอยู่เพียง 2 เรื่องคือ อาวุธนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพ อาวุธที่ตรวจพบดังกล่าวไม่เข้าข่าย อาจจะเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ หากการสอบสวนในชั้นศาลแล้วปรากฏว่ามีสัญญาซื้อขาย รัฐบาลอาจจะหน้าแหกก็ได้
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า การจับกุมครั้งนี้รัฐบาลได้สร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 - 5 ประเทศคือ เกาหลีเหนือ จอร์เจีย เบลารุส คาซัคสถาน และประเทศเป้าหมายที่จะนำอาวุธไปส่ง ในระยะหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง รู้สึกว่าจะพูดประเด็นนี้ได้ไม่เต็มปากเต็มคำเหมือนอมอะไรไว้อยู่ ตนเป็นห่วงเรื่องประเด็นของความโกรธแค้นและการแก้แค้น รัฐบาลไม่ควรทำตัวเป็นสุนัขรับใช้สหรัฐอเมริกา หากเรื่องนี้ความจริงปรากฏออกมาว่า การซื้อขายอาวุธเป็นไปอย่างถูกต้องและนำไปใช้ประโยชน์ในการปราบจลาจลภายในประเทศใดประเทศหนึ่งหรือใช้เพื่อความมั่นคงของประเทศนั้น ๆ จะรับผิดชอบอย่างไร เบื้องต้นขอแนะนำให้รัฐบาลอย่าเพิ่งทำอะไรกับอาวุธที่ยึดไว้ เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้จบเหมือนกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ที่ขึ้นต้นมาเป็นบทพระเอกแต่ลงท้ายกลับกลายเป็นผู้ร้าย
