บ้าน
ในเกมกีฬาฟุตบอลแพ้ชนะนั้นเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งกองเชียร์เข้าใจกันดี แต่มีปัญหาทันทีหากการแข่งขันในครั้งนั้น “กรรมการ” ไม่เป็นกลางไม่เป็นธรรม
กรณี “เงินบริจาค 258 ล้าน ของพรรคประชาธิปัตย์” นี้ทำไปทำมา “กรรม การ” อย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั่นแหละจะหนักหนาสาหัสกว่าใครเพื่อน หรือจะให้ชัดลงไปกว่านั้นผู้ที่รับบทหนักคือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.
ตามข่าวระบุว่า ในการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา 3 เสียงซึ่งประกอบด้วย นางสดศรี สัตยธรรม นายสมชัย จึงประเสริฐ และ นายประพันธ์ นัยโกวิท เห็นว่าควรให้นายทะเบียนพรรคการเมือง “ตัดสินใจ” ขณะที่นายอภิชาต ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นตามอนุกรรมการสอบสวนที่ กกต. ตั้งขึ้นคือ ให้ “ยกคำร้อง” ขณะที่เสียงสุดท้ายคือ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น เห็นว่าควรส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์
ถึงวันนี้เข้าใจกันก่อนว่า กกต. ยังไม่มี “มติ” ใด ๆ ออกมา และมอบให้นายอภิชาตไป “ชี้ขาด”
นายอภิชาต ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า
“หากนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นควรว่าเรื่องนี้ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องส่งเรื่องกลับเข้าสู่ที่ประชุม กกต. อีกครั้ง เพื่อขอความเห็นชอบ แต่ถ้านายทะเบียนฯ เห็นควรยกคำร้องตามเสียงข้างมากของอนุฯ ก็ไม่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม กกต.”
ขณะที่นางสดศรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ วันที่ 18 ธ.ค.ว่า “ถ้านายทะเบียนมีความเห็นให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ก็ไม่จำเป็นต้องลงมติใด ๆ แต่ถ้านายทะเบียนเห็นว่าควรยุติเรื่องก็ต้องนำเข้าที่ประชุม กกต. อีกครั้งหนึ่งที่ กกต. ทั้ง 4 คน จะต้องนำมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะเห็นตามนายทะเบียนหรือไม่”
มีรายงานข่าวระบุว่า อนุกรรมการสอบสวนที่ กกต. ตั้งขึ้นมานั้นมีมติให้ “ยกคำร้อง”
“2 มาตรฐาน” ถูกจุดขึ้นมาไว้นานแล้ว ขนาด พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่ถูกกองทัพตั้งคณะกรรมการสอบสวนยังใช้ “2 มาตรฐาน” มาอธิบาย
กรณี “ยุบพรรคประชาธิปัตย์” จึงหนีไม่พ้นที่จะถูกใช้ “2 มาตรฐาน” อธิบาย
เรื่อง “ยุบพรรค” ถ้า กกต. โดยเฉพาะนายอภิชาต ไม่มีคำตอบไม่มีความชัดเจนไม่สามารถอธิบายสังคมถึงสิ่งที่ได้ทำหน้าที่ตาม กฎหมายได้ จะเกิดวิกฤติความน่าเชื่อถือของ กกต. ขึ้นมาทันที
อย่าลืมว่า กกต. มีหน้าที่ควบคุมดูแลการเลือกตั้ง
ถ้า “ผู้เล่น” ไม่เชื่อ กองเชียร์ “คาใจ” กรรมการอย่าง กกต. จะทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างไร
วันนี้ประเด็นของ กกต. ไม่ได้อยู่ที่การยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค แต่อยู่ที่การทำ “หน้าที่” อย่างตรงไปตรงมาต่างหาก
ไม่แปลกใจหากกรณี “ยุบพรรค” จะทำให้ กกต. กลายเป็นตำบลกระสุนตก.
กรณี “เงินบริจาค 258 ล้าน ของพรรคประชาธิปัตย์” นี้ทำไปทำมา “กรรม การ” อย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั่นแหละจะหนักหนาสาหัสกว่าใครเพื่อน หรือจะให้ชัดลงไปกว่านั้นผู้ที่รับบทหนักคือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.
ตามข่าวระบุว่า ในการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา 3 เสียงซึ่งประกอบด้วย นางสดศรี สัตยธรรม นายสมชัย จึงประเสริฐ และ นายประพันธ์ นัยโกวิท เห็นว่าควรให้นายทะเบียนพรรคการเมือง “ตัดสินใจ” ขณะที่นายอภิชาต ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นตามอนุกรรมการสอบสวนที่ กกต. ตั้งขึ้นคือ ให้ “ยกคำร้อง” ขณะที่เสียงสุดท้ายคือ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น เห็นว่าควรส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์
ถึงวันนี้เข้าใจกันก่อนว่า กกต. ยังไม่มี “มติ” ใด ๆ ออกมา และมอบให้นายอภิชาตไป “ชี้ขาด”
นายอภิชาต ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า
“หากนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นควรว่าเรื่องนี้ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องส่งเรื่องกลับเข้าสู่ที่ประชุม กกต. อีกครั้ง เพื่อขอความเห็นชอบ แต่ถ้านายทะเบียนฯ เห็นควรยกคำร้องตามเสียงข้างมากของอนุฯ ก็ไม่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม กกต.”
ขณะที่นางสดศรี ให้สัมภาษณ์เมื่อ วันที่ 18 ธ.ค.ว่า “ถ้านายทะเบียนมีความเห็นให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ก็ไม่จำเป็นต้องลงมติใด ๆ แต่ถ้านายทะเบียนเห็นว่าควรยุติเรื่องก็ต้องนำเข้าที่ประชุม กกต. อีกครั้งหนึ่งที่ กกต. ทั้ง 4 คน จะต้องนำมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะเห็นตามนายทะเบียนหรือไม่”
มีรายงานข่าวระบุว่า อนุกรรมการสอบสวนที่ กกต. ตั้งขึ้นมานั้นมีมติให้ “ยกคำร้อง”
“2 มาตรฐาน” ถูกจุดขึ้นมาไว้นานแล้ว ขนาด พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่ถูกกองทัพตั้งคณะกรรมการสอบสวนยังใช้ “2 มาตรฐาน” มาอธิบาย
กรณี “ยุบพรรคประชาธิปัตย์” จึงหนีไม่พ้นที่จะถูกใช้ “2 มาตรฐาน” อธิบาย
เรื่อง “ยุบพรรค” ถ้า กกต. โดยเฉพาะนายอภิชาต ไม่มีคำตอบไม่มีความชัดเจนไม่สามารถอธิบายสังคมถึงสิ่งที่ได้ทำหน้าที่ตาม กฎหมายได้ จะเกิดวิกฤติความน่าเชื่อถือของ กกต. ขึ้นมาทันที
อย่าลืมว่า กกต. มีหน้าที่ควบคุมดูแลการเลือกตั้ง
ถ้า “ผู้เล่น” ไม่เชื่อ กองเชียร์ “คาใจ” กรรมการอย่าง กกต. จะทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างไร
วันนี้ประเด็นของ กกต. ไม่ได้อยู่ที่การยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค แต่อยู่ที่การทำ “หน้าที่” อย่างตรงไปตรงมาต่างหาก
ไม่แปลกใจหากกรณี “ยุบพรรค” จะทำให้ กกต. กลายเป็นตำบลกระสุนตก.
