thaksinlive

กรุณาสมัคร Use ของท่านด้วย เพื่อที่ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง

Join the forum, it's quick and easy

thaksinlive

กรุณาสมัคร Use ของท่านด้วย เพื่อที่ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง

thaksinlive

Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
thaksinlive

thaksinlive


    เราต้องการสื่อสารตรงถึงประชาชน(อ้างอิงมาจากข่าวเดลินิวส์วันที่ 19 ธ.ค 52)

    thaksinlive
    thaksinlive
    จ่าอากาศตรี
    จ่าอากาศตรี


    Posts : 29
    Points : 83
    Reputation : 0
    Join date : 17/12/2009

    เราต้องการสื่อสารตรงถึงประชาชน(อ้างอิงมาจากข่าวเดลินิวส์วันที่ 19 ธ.ค 52) Empty เราต้องการสื่อสารตรงถึงประชาชน(อ้างอิงมาจากข่าวเดลินิวส์วันที่ 19 ธ.ค 52)

    ตั้งหัวข้อ  thaksinlive Sun Dec 20, 2009 12:40 am

    [left]
    ในวันที่ 23 ธ.ค. ที่จะถึงนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะแถลงผลงาน 1 ปี “ทีมการเมืองเดลินิวส์” ได้สัมภาษณ์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ดูแลด้านการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล และจริงหรือที่เขาว่า รัฐบาลเก่งแต่ประชาสัมพันธ์แต่ไม่มี “ผลงาน”

    ** ทำไมต้องมีการแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี ในวันที่ 23 ธ.ค. ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องแถลงต่อรัฐสภาอยู่แล้ว

    เราคิดว่าเวลามันเหมาะสมอย่างน้อยที่สุด สิ่งที่รัฐบาลต้องสื่อไปในวันนั้นคือ 1 ปีที่ผ่านมา ประเทศมีอะไรดีขึ้น จากคำสบประมาทที่ว่ารัฐบาลไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จริง ๆ มันคืออะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน และรัฐบาลในปัจจุบัน เรื่องการสื่อสารกับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ตลอดเวลาทั้งปีนี้ที่เราทำงาน สถานการณ์ของประเทศมีความยุ่งเหยิง มีข่าวสารเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวความขัดแย้ง ปัญหาระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาล ปัญหานอกประเทศ เรื่องชายแดน แม้นายกรัฐมนตรี จะมีการให้สัมภาษณ์ทุกวัน แต่มันไม่มีการออกมาพูดกันอย่างเป็นระบบเนื่องจากสื่อสารมวลชนแข่งขันกันออก ข่าว ดังนั้นโอกาสที่รัฐบาลจะสื่อสารกับประชาชนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเขาที่ได้ รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามนโยบายหรือการทำงานของรัฐบาลก็ไม่ได้มีการทำอย่าง เป็นระบบ ฉะนั้นการสื่อสารตรงนี้จึงจำเป็น อย่างน้อยก็ทำให้คนได้เห็นถึงทิศทางของรัฐบาลและได้ทราบว่าเขาได้รับ ประโยชน์อะไรบ้างจากสิ่งที่รัฐบาลทำ

    การแถลงผลงานครั้งนี้คือ เป็นการสื่อสารตรงจากนายกรัฐ มนตรีและคณะรัฐมนตรีถึงประชาชนทุกคนอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็น การรวบรวมสิ่งที่รัฐบาลทำมาใน 1 ปี ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีมากกว่า ที่รัฐบาลจะบริหารงานไปวัน ๆ โดยไม่สื่อสารกับประชาชนว่ารัฐบาลทำอะไรไป และนายกรัฐมนตรีจะพูดถึงสถานการณ์ ในปีหน้าว่าจะเดินไปสู่ทิศทางไหน เช่น การหารายได้เข้าประเทศ เรื่องการส่งออก เรื่องการท่องเที่ยว

    ** ในการแถลงผลงาน 1 ปี มีแนวคิดที่จะเปิดให้ประชาชนให้คะแนนรัฐบาลด้วยหรือไม่ หรือมีสิ่งที่จะให้ประชาชนสะท้อนว่าพอใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ

    เรื่องนั้นมันมีการทำโพลอยู่แล้ว และจริง ๆ แล้ว รัฐบาลโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจะมีการสำรวจสถิติกันอยู่ตลอดเพื่อประเมิน การทำงานของรัฐบาล แต่ทุกเรื่องที่เราทำต้องไม่ลืมว่ามีต้นทุนทั้งสิ้น สมมุติถ้าให้ประชาชนส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาแล้วใครจ่ายเงิน ถ้าประชาชนจ่ายรัฐบาลก็ถูกด่าว่าเอาเงินไปให้เอกชน อย่างไรก็ตาม หลักของมันคือรัฐบาลมีกลไกในการรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนตลอดเวลาอยู่ แล้ว กลไกนั้นจะสะท้อนผ่านทางหน่วยงานต่าง ๆ ผ่านทางการทำผลสำรวจสถิติ ผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น เว็บไซต์หรือการโทรศัพท์เข้ามา ซึ่งมีการสรุปกันทุกเดือน แต่เที่ยวนี้เมื่อมีการแถลงผลงานครบ 1 ปี ผมว่าน่าจะมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนสอบถามเข้ามา โดยกำลังคิดอยู่ว่าจะใช้ช่องทางประชาสัมพันธ์จังหวัดทั่วประเทศในการจัด รายการวิทยุแล้วประมวลคำถามเพื่อดูว่าคนสนใจเรื่องอะไร และ นายกรัฐมนตรีอาจตอบคำถามหลัก ๆ ขณะเดียวกันจะมีการถ่ายทอดสดการแถลงผลงาน 1 ปี ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นอก จากนั้นยังมีเครือข่ายสื่อสารออนไลน์ซึ่งในเวลานี้มีปริมาณการเข้าชมสูง มาก ๆ เช่น เว็บไซต์ทวิตเตอร์ www.twitter.com เว็บไซต์เฟซบุ๊ค www.facebook.com เว็บไซต์นายกรัฐมนตรีไทย www.pm.go.th หรือเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th เราจะมีทีมงานมาอัพเดทข้อมูลหรือถ้ามีการส่งคำถามเข้ามาจะมีการสรุปรวบรวมคำ ถามเหล่านั้นกลับเข้ามา

    ** มักมีการพูดกระแหนะกระแหนว่ารัฐบาลชุดนี้ใช้งบประมาณ ในการประชาสัมพันธ์จำนวนมาก

    ถ้าเทียบแล้วจะเห็นได้เลยว่าใช้งบประมาณน้อยกว่ารัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นพันเท่า ของรัฐบาลเราน้อยมาก งบประมาณปี พ.ศ. 2553 งบประมาณโฆษณาของสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่มีแม้แต่บาทเดียว ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มันมีเฉพาะตัวงบประมาณกลาง ส่วนงบประมาณฟื้นฟูที่ผ่านทางสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ใช้ไปร้อยกว่าล้านบาท นอกนั้นเป็นเรื่องงบประมาณของแต่ละกระทรวง ผมคิดว่างบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ของเรา ในแง่ของการใช้เงิน ถือว่าน้อยแต่ถ้าคิดในแง่มูลค่ามันมากกว่ามูลค่าของเงิน เช่น การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอด 10 วัน ผมขอถามว่าเคยมีครั้งไหนที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ทุกช่องมากขนาดนี้โดย รัฐบาลไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผมเป็นคนประชุมและขอความร่วมมือจากสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เคเบิลทีวี ดาวเทียม วิทยุ สมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ และทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงิน แต่รัฐบาลต้องใช้การประสาน มันไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาล แต่เป็นเพราะเขาคิดถึงประเทศ และนายกรัฐมนตรีเคยพูดตั้งแต่ต้นว่าเราต้องรวมพลังกัน

    ** แม้รัฐบาลออกสื่อจำนวนมาก แต่ทำไมประชาชนยังรู้สึกว่าผลงานของรัฐบาลเงียบจัง

    ผมไม่คิดว่ามันสรุปด้วยคำพูดง่าย ๆ ว่าเงียบจัง มันเป็นเพียงว่าอาจไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนกับเรื่องของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ที่ถูกจับกุมที่ประเทศกัมพูชา คนจึงรู้สึกว่าสิ่งที่รัฐบาลทำก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว อาจไม่มีนโยบายที่ฮือฮา เช่น การจะปรับเวลาประเทศให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง แต่ตอนที่แจกเช็คช่วยชาติและตอน ทำเรื่องประกันรายได้เกษตรกรก็เป็นข่าว เพียงแต่ไม่ใช่สิ่งที่ฮือฮาติดตลาดเหมือนกับพลุดอกไม้ไฟ เพราะฉะนั้นถามว่าผลงานที่รัฐบาลทำคืออะไรที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ซึ่งก็คือการทำให้สังคมไทยกลับมาสู่ความสงบสุข เมื่อต้นปีเราประเมินว่าปลายปีจะเกิดจลาจลนองเลือด แต่ผมถามว่าเดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งความสุขของคนไทยหรือไม่ ช่วง 10 วันที่ถนนราชดำเนิน ลานพระรูปทรงม้า และท้องสนามหลวง มีการถ่ายทอดสด และประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมทั่วทั้งประเทศ เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เป็นความบังเอิญแต่มันเป็นความร่วมมือระหว่างคนไทย ด้วยกันและเป็นการจัดการของรัฐบาล

    เราผ่านเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้โดยมีการเสียเลือดเนื้อจากฝีมือของคนในรัฐบาล เราประคับประคองไม่สร้างเงื่อนไขความขัดแย้งเรานำความสุขสงบในช่วงปลาย ปีกลับมาสู่สังคมไทยเรานำวิกฤติเศรษฐกิจปากท้องที่ทุกคนคิดว่าจะหนักแต่ วันนี้ตัวเลขคน ตกงานเหลือ 4 แสนกว่าคน ขณะที่ภาคเกษตร จากเดิมที่คนคิดว่าราคาตกรูดชาวบ้านต้องตาย วันนี้เราจัดงบประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท มาทำประกันรายได้เกษตรกรทั้งเรื่องข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ถามว่าถึงวันนี้เราไม่มีม็อบแบบที่ปิดทำเนียบรัฐบาล 5 วัน 10 วัน เป็นเพราะเรารุกเข้าสู่ปัญหาและมีรัฐบาลไหนที่ข้อเรียกร้องของภาคประชาชนที่ ค้างมาเป็นสิบปี ได้รับการตอบสนอง เช่น กรณีของนางไฮ ขันจันทา ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องการส่งสัญญาณบอกว่านี่คือ 1 ปี ที่เราทำนี่คือสิ่ง ที่มันเกิดขึ้น

    ** มองอย่างไรกรณีบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า 1 ปีของรัฐบาลชุดนี้ยังดูเป็นเด็กน้อย เชื่องช้า

    คำสบประมาทในลักษณะนี้ ผมกลับคิดเป็นไปในแง่บวก มองว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายการทำงานของรัฐบาล การที่เคยสบประมาท ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นเด็ก บริหารไม่เป็น แต่เมื่อผ่าน 1 ปี แล้วจะเห็นได้ว่าได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทุกครั้ง และถามว่าการทำหน้าที่ประธานอาเซียน เรามีข้อบกพร่องแค่เรื่องเดียวคือเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดงล้มการประชุมอาเซียน ที่พัทยาเท่านั้น นอกนั้นเราทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เราได้รับการยอมรับจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก แต่อาจยกเว้นบางประเทศที่ไปสมคบกับคนบางคนที่อดีตเคยเป็นคนไทย.

      เวลาขณะนี้ Sun May 19, 2024 12:06 pm