[left]พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ชี้ขาดกรณีคดีเงิน 258 ล้านบาทที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกกล่าวหาได้รับจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2548 ว่า ประชาชนกำลังรอดูกระบวนการยุติธรรมทางการเมืองของไทยว่าจะเป็นมาตรฐานเดียว กันหรือไม่ ส่วนจะมีบุคคลที่มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการพิจารณาของ กกต.หรือไม่ เชื่อว่าประชาชนรับรู้ได้ถึงความเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมที่จะเกิดขึ้นใน อนาคตอันใกล้นี้
"ผมเคยออกมาเตือนสติสังคมแล้วว่า ตราบใดที่สังคมยังไม่มีความยุติธรรม หรือกระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน บ้านเมืองจะเกิดปัญหา ไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ ดังนั้น มองว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 นักปราชญ์ได้มีการพูดว่า คนชั้นใดออกกฎหมายก็จะเอื้อประโยชน์กับคนชั้นนั้น เพราะฉะนั้น สังเกตให้ดี รัฐธรรมนูญหลังมีการทำรัฐประหารทุกครั้ง รัฐธรรมนูญฉบับนั้นจะเป็นเผด็จการ แต่รัฐธรรมนูญปี 50 โลกเจริญขึ้น แทนที่จะเป็นเผด็จการโดยตรง ก็เป็นกฎหมายเผด็จการซ่อนรูป การแก้ไขปัญหานี้ ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชน ส.ส. ส.ว. ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาให้เป็นประชาธิปไตย" พ.อ.อภิวันท์ กล่าว
ต่อข้อซักถามว่า กรณีที่ กกต.อาจยกคำร้องเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า "เดี๋ยวสังคมจะพิจารณาเองว่าเป็นสองมาตรฐ
(อ้างอิงจากมติชนวันที่19 ธ.ค.52)
"ผมเคยออกมาเตือนสติสังคมแล้วว่า ตราบใดที่สังคมยังไม่มีความยุติธรรม หรือกระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน บ้านเมืองจะเกิดปัญหา ไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ ดังนั้น มองว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 นักปราชญ์ได้มีการพูดว่า คนชั้นใดออกกฎหมายก็จะเอื้อประโยชน์กับคนชั้นนั้น เพราะฉะนั้น สังเกตให้ดี รัฐธรรมนูญหลังมีการทำรัฐประหารทุกครั้ง รัฐธรรมนูญฉบับนั้นจะเป็นเผด็จการ แต่รัฐธรรมนูญปี 50 โลกเจริญขึ้น แทนที่จะเป็นเผด็จการโดยตรง ก็เป็นกฎหมายเผด็จการซ่อนรูป การแก้ไขปัญหานี้ ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชน ส.ส. ส.ว. ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาให้เป็นประชาธิปไตย" พ.อ.อภิวันท์ กล่าว
ต่อข้อซักถามว่า กรณีที่ กกต.อาจยกคำร้องเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า "เดี๋ยวสังคมจะพิจารณาเองว่าเป็นสองมาตรฐ
(อ้างอิงจากมติชนวันที่19 ธ.ค.52)